@tallpaulmufc: Manchester United QUIZ! #footballquiz #quiz #manchesterunitedquiz #manutdquiz #manutdplayers #trivia #manutdtrivia

TallPaul
TallPaul
Open In TikTok:
Region: GB
Sunday 08 October 2023 00:08:27 GMT
2774
235
10
1

Music

Download

Comments

eymachstecleverehrlich
Matteo :
Cantona 7
2023-10-08 00:45:55
1
jubskull438
Kxngmidas :
Gigs 11
2023-10-08 00:31:08
1
er99jan099
EE888 :
Giggs was #11
2023-10-08 00:20:30
1
brokashagent
brokashagent :
there are mistakes
2023-10-17 20:48:42
0
ashokegoalkeeper1
Ashoke Btr :
De gea number. (19) 😂😂
2023-10-14 06:10:10
0
userz5ojbpfpe4
777.tanv4r._ :
bro watch golf
2023-10-08 04:50:06
0
pauljohncartwrigh
PJ :
big mistake cantona is no7 and giggs is number 11
2023-10-08 04:25:24
0
reloadxmetallica
James Hetfield 🎸🤘🏻 :
😅
2023-10-08 01:08:45
0
mpexmd
mpendux23 :
ther is a mistake
2023-10-08 00:36:26
0
To see more videos from user @tallpaulmufc, please go to the Tikwm homepage.

Other Videos

ความไม่เสื่อม​ คือ​ โสดาบัน​ การละสังโยชน์ พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้สุคต ศาสดา” ทรง
ความไม่เสื่อม​ คือ​ โสดาบัน​ การละสังโยชน์ พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้สุคต ศาสดา” ทรง "ตรัสสอน" ว่า "โสดาบัน" คือ ผู้ที่ถึง "ความสิ้นรอบ" แห่ง “สัญโยชน์สาม” (ติณนัง สัญโยชนานัง ปริกขยา) อัน ประกอบด้วย ๑ "สักกายะทิฏฐิ" (ความเห็นว่า "อุปทานขันธ์ห้า" เป็นตัวตน ของตน) ๒ "วิจิกิจฉา" (ความลังเลสงสัย ใน "มรรคปฏิปทา" ตาม "คำบัญญัติตรัสสอน" ของ “พระพุทธเจ้า”) ๓ "สีลัพพตปรามาส" (ความลูบคลำในศีลพรต คือ "การประพฤติผิด" ทาง "กาย วาจา" ตามแบบ สมณะพราหมณ์ และ ปริพาชก เหล่าอื่น ภายนอก "ธรรมวินัย") “พระผู้มีพระภาคเจ้า” ทรง "ตรัสสอน" และกล่าวถึง "องค์คุณ" ของ "โสดาบัน" ว่า ... “ติณณัง สัญโยชนานัง ปริกขยา” ("สัญโยชน์สาม" ถึง "ความสิ้นไป") ติณณัง = สาม สัญโยชนานัง = สัญโยชน์ ปริกขยา = สิ้นไป "โสดาบัน" คือ ผู้มี "ธรรม" ที่ "ไม่ทำให้ตกไปในอบาย" ! และมี "ความเที่ยงแท้" ! แน่นอน ! ที่จัก "ตรัสรู้พร้อม" ใน เบื้องหน้า ! “พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้สุคต ศาสดา” ทรง "ตรัส" "พระภาษิต" ในเรื่องนี้ ว่า ... “โสตาปันโน โหติ อวินิปาตธัมโม นิยโต สัมโพธิปรายโน” โสตาปันโน = โสดาบัน โหติ = ได้เป็น อวินิปาตธัมโม = มี "ธรรม" ที่ไม่ทำให้ตกไปใน "อบาย" นิยโต = ซึ่งเที่ยง ! ซึ่งแน่นอน ! สัมโพธิปรายโน = "ตรัสรู้พร้อม" ใน "เบื้องหน้า" ! "โสดาบัน" คือ บุคคลที่ "ผุดขึ้น โผล่ขึ้นมา" แล้ว "เห็นแจ้ง" ! เหลียวดูรอบๆ แล้วตรวจดูไต่สวน กล่าวคือ โผล่ขึ้นแล้ว "ทรงตัว" อยู่ได้แล้ว เห็นแจ้ง (เห็นฝั่ง) "พระศาสดา" ทรง "ตรัสสอน" และ "อุปมา" ถึง "โสดาบัน" ด้วย "บุคคลตกน้ำ จำพวกที่ ๔" โดยทรง "ตรัส" "พระภาษิต" ว่า ... ภิกษุทั้งหลาย ! (๔) บุคคล "ผุดขึ้น" แล้วเหลียวดูรอบ ๆ อยู่ ! เป็นอย่างไร เล่า ? ภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลบางคน ในกรณีนี้ "ผุดขึ้น" คือ มี “สัทธา” ดีใน “กุศลธรรม” ทั้งหลาย มีหิริ ดี มีโอตตัปปะ ดี มีวิริยะ ดี มีปัญญา ดี ใน “กุศลธรรม” ทั้งหลาย บุคคล นั้น เพราะ "ความสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม" เป็น “โสดาบัน” มี "ความไม่ตกต่ำ" เป็นธรรมดา เป็น "ผู้เที่ยงแท้" ต่อ "พระนิพพาน" ! มี "การตรัสรู้พร้อม" ใน "เบื้องหน้า" ! อย่างนี้ แล ! เรียกว่า "ผุดขึ้น แล้ว" เหลียวดูรอบ ๆ อยู่ สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๐/๑๕. กล่าวคือ ! "โสดาบัน" จักรู้ว่า "การพรากจากกาม" จักพรากได้ อย่างไร ? แต่ "ยังมิได้ทำ" เพราะ "ไม่มีกำลังพอ" ที่จะว่ายไป มีกำลังเพียงแค่ "ลอยตัวอยู่" แล้วเหลียวดู ตรวจดู รอบๆ เป็น "ผู้มองเห็นหนทาง" "มองเห็นฝั่ง" แล้ว “พระตถาคต” ทรง "ตรัส" "พระภาษิต" ใน เรื่องดังกล่าว ว่า ... “ภิกขเว ปุคคโล อุมุชชิตวา วิปสสติ วิโลเกติ” ภิกขเว ปุคคโล = บุคคล (อริยสาวก) อุมุชชิตวา = โผล่ขึ้น วิปสสติ = เห็นแจ้ง วิโลเกติ = ตรวจดู ไต่สวน เป็นผู้ได้สดับแล้ว แม้ยังไม่ได้เป็นอริยบุคคล แต่พระองค์ก็ตรัสใว้ว่า จะไปทางเจริญอย่างเดียว ไม่ไปทางเสื่อม โสตานุคตานัง คือผู้ที่ฟังธรรมเนืองๆ จนคล่องปากขึ้นใจ แทงตลอดอย่างดีด้วยความเห็น แม้จะขาดสติ เวลาตาย ก็ยังได้ไปเกิดในภพเทวดา หมู่ใดหมู่หนึ่ง ซึ่งจะบรรลุธรรม เป็น สัทธานุสารี ธัมมานุสารี และ โสดาบัน ในภพนั้น สัทธานุสารี ธัมมานุสารี ในภพมนุษย์ ละสังโยชน์ข้อที่๑ ได้แล้ว และจะได้ โสดาบัน ก่อนตาย อริยบุคคลแต่ละระดับกับการละสังโยชน์ ๑โสดาบัน สัตตักขัตตุปรมะ ละสังโยชน์ได้๓ข้อ จะเกิดเป็นเทวดาบ้าง มนุษย์บ้าง อีกไม่เกิน๗คราว แล้วบรรลุอรหันต์ ๒ โสดาบัน โกลังโกละ ละสังโยชน์ได้๓ข้อ จะเกิดเป็นมนุษย์อีก๒ถึง๓คราว แล้วบรรลุอรหันต์ ๓ โสดาบัน เอกพีชี ละสังโยชน์ได้๓ข้อ จะเกิดเป็นมนุษย์อีกคราวเดียว แล้วบรรลุอรหันต์ ๔ สกทาคามี ละสังโยชน์ได้๓ข้อ กำลังเริ่มทำลายสังโยชน์ข้อที่๔ ราคะ โทสะ โมหะ เบาบางลง จะเกิดในเทวดากามภพ ชั้นดุสิต อีกคราวเดียว แล้วบรรลุอรหันต์ ๕ อานาคามี มี๒จำพวก พวกแรกละสังโยชน์ได้๔ข้อ เกิดในสุทธวาสชั้นที่๑-๒-๓-๔ พวกที่๒ อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี ละสังโยชน์ได้๕ข้อ เกิดในสุทธวาสชั้นที่๕ อกนิฏฐา อายุประมาณ๕๐๐-๒๐๐๐๐กัป และจะปรินิพพานในภพนั้น ทั้ง๒จำพวก ๖ อันตราปรินิพพายี ๓จำพวก ละสังโยชน์เบื้องต่ำ๕ได้ และละสังโยชน์ตัวเหตุให้ได้การเกิด ได้ด้วย จึงปรินิพพาน หลังจากกายแตกทำลาย เป็นช่วงสัมภเวสีสัตว์ ช่วงแสวงหาภพ แต่ยังไม่แตะภพ ปรินิพพานก่อน ๓ ระดับ ๗ อุปหัจจปรินิพพายี ๘ อสังขารปรินิพพายี ๙ สสังขารปรินิพพายี ๓จำพวกนี้ ละสังโยชน์เบื้องต่ำ๕ได้ หลังจากกายแตกทำลาย แตะภพใหม่ไปแล้ว เป็นภูตสัตว์ไปแล้ว จึงปรินิพพาน ๑๐ อรหันต์ ละสังโยชน์ได้๑๐ข้อ ปรินิพพาน ในปัจจุบัน ศึกษา​เพิ่ม​เ​ติ​มได้ที่ www.watnapp.com #พระอาจารย์ศึกฤทธิ์โสตฺถิผโล #พระอาจารย์คึกฤทธิ์ #วัดนาป่าพง​ #พุทธวจน #พุทธวจนเรียล​ #พุทธวจนสถาบัน #มูลนิธิพุทธโฆษณ์​ #รัตนะ5 #แสงสว่างจากพระโอษฐ์ #คุณอี๊ดเป็นคนโบราณใจดี #ความไม่เสื่อมคือโสดาบันการละสังโยชน์

About