@ladatipamon8: #ลัทธิเชื่อมจิตจบแล้ว (24 มิ.ย.2567) เวลา 15.00 น. ที่ห้องประชุม 3 อาคาร 2 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายบุญเชิด กิตติธรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปทุมธานี ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบ กลั่นกรอง ข้อมูล ข่าวสาร และการกระทำอันอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา เชิญนายอนันต์ชัย ไชยเดช หรือทนายกระดูกเหล็ก , ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา ปธ.และรองมูลนิธิทนายกองทัพธรรม , ดร.อธิเทพ ผาทา (มจร.) นางชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง และ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เข้าพบเพื่อสรุปความคืบหน้าการดำเนินคดีกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต นายบุญเชิด กล่าวว่า มีการชี้แจงถึงการออกมาช้าหลังจากที่มหาเถรสมาคม ได้มีการออกมติออกมา เนื่องจากเราต้องทำอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายกล่าวอ้างได้ว่าถูกรังแก ซึ่งเรามีการเก็บข้อมูลจากดิจิทัลฟุตพริ้นท์ (คลิปวิดีโอ) ของเขาทั้งหมด และได้ดำเนินคดีผ่านทาง ปอท. เรื่องนี้ทำให้พระพุทธศาสนาบอบช้ำมาพอสมควร มติฉบับนี้จะเป็นการป้องปราม ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวแบบนี้ขึ้นอีก สำหรับข้อติติงที่เกิดขึ้นถือเป็นกระจกสะท้อนเพื่อให้เราได้ปรับปรุงการทำงาน ส่วนรายละเอียดตนไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากอาจจะกระทบกับการดำเนินคดี ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นองค์กรรัฐ ที่ดูแลพระพุทธศาสนาโดยตรงแต่ เนื่องจากอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในระเบียบบริหารจัดการศูนย์ราชการค่อนข้างจะบกพร่อง ไม่ชัดเจน รวมถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีการบัญญัติไว้ว่าเป็นหน่วยงานรัฐไม่ใช่เฉพาะเจาะจง จึงทำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติค่อนข้างสับสนในเรื่องของกฎระเบียบอำนาจหน้าที่ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดวิกฤติลัทธิแก๊งเชื่อมจิต เป็นนิมิตรหมายที่ดีว่า เราควรแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ในสำนักงานพุทธนอกเหนือจากที่จะดูแลภิกษุสงฆ์จะต้องดูแลเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนรวมถึงพระไตรปิฎกด้วย นอกจากนี้การสอนการอ่านไม่ว่าจะเป็นพระธรรมหรือวินัยหรือแม้แต่พระไตรปิฎกเดี๋ยวนี้มีลัทธิเยอะ ทำให้สำนักพุทธไม่ทั่วถึงและจากวิกฤตครั้งนี้มูลนิธิธนากองทัพทำตำแหน่งร่างโครงการขึ้นมาเพื่อเสนอสำนักพุทธในฐานะที่เป็นเลขาธิการเถระสมาคม เพื่อตั้งองค์กรขึ้นมาตรวจสอบการสอนธรรมะไม่ว่าจะเป็นพระหรือฆราวาสที่จากพระธรรมวินัยหรือพระไตรปิฎกถือเป็น 18 อรหันต์ผู้ทรงพระไตรปิฎก เพราะหากมีหน่วยงานขึ้นมาตรวจสอบจะเข้าไปดูแล และคุยกีบสอบสวนกลางว่าควรจะมีหน่วยงานทไเรื่อวนี้เฉพาะ เพราะ พระพุทธศาสนาไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบเช่นพระเสร็จเมถุนกลับไม่ผิดกฎหมายอาญา เราในฐานะมูลนิธิกองทัพธรรมที่ทำงานด้านพระภิกษุสงฆ์ รู้ถึงปัญหาจึงจะนำวิกฤตส่วนนี้มาเป็นโอกาส ส่วนเรื่องลัทธิเชื่อมจิต เหตุการณ์ที่ผ่านมาเราเป็นองค์กรเอกชนที่จะต้องขึ้นมาดูแลพระพุทธศาสนา ช่วยเหลือพระภิกษุสามเณร ทั่วประเทศประเทศ เรื่องลัทธิเชื่อมจิตหากเราไม่รีบไปเร่งการเงินจะมีปัญหามาก เริ่มแรกต้นอ้อ อี้ แพรรี่ ได้ดำเนินการเรื่องนี้มาตลอด แต่ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายไปแบบมวยวัดแต่ใจถึง และเมื่อเกิดเรื่องในช่วงเมษายนที่ผ่านมา ประเด็นเกี่ยวข้องกับพิธีกรชื่อดัง ได้มีการปรึกษาหารือกันว่าสมควรที่จะออกมาแล้วซึ่งออกมาพร้อมกฎหมายไตรปิฎก และที่น่าสนใจหลังจากเกิดเรื่องเชื่อมจิตมีประชาชนสนใจเรื่องพระไตรปิฎกเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสและต่อยอด ซึ่งขณะนี้ไม่ได้มองแค่เชื่อมจิต และขณะนี้นี้เรามีมติ 424 ของพระมหาเถรสมาคมเป็นดาบ แต่ยังไม่มีข้อบังคับเป็นรูปธรรม จึงจะเสนอโครงการ อาจจะร่วมกับสอบสวนกลาง เพื่อเข้ามาช่วยดูแล รวมถึงลัทธิ พระภิกษุ หรือประชาชนที่สอนผิดไปจากพระธรรมวินัย หรือพระไตรปิฎกก็ต้องถูกดำเนินการเช่นเดียวกัน และสำนักพุทธได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษขณะที่ทางพม. ก็เตรียมที่จะร้องทุกข์ขอโทษด้วยเช่นกัน ดังนั้น เรามีสำนักพุทธ เป็นพระเอก พม. เป็นพระรอง รวมถึงมูลนิธิ และทีมแอดเวนเจอร์ทั้งหลาย และข้อขัดแย้งของเราที่เกิดขึ้นกับสำนักพระพุทธศาสนา ขณะนี้ไม่มีอะไรแล้วเนื่องจากเรามีเป้าหมายเดียวกัน พร้อมกับหากผิดพลาดประการใดต้องขอกราบอภัยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน และขอให้อภัยให้กับพวกตนด้วยเนื่องจากต้องการทำเพื่อพระพุทธศาสนาเป็นหลัก และวันนี้ถือเป็นนิมิตหมายดีหลังจากนี้พวกเราทุกคนจะก้าวเดินไปสู่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดูแลบำรุงพระพุทธศาสนา ป้องกัน กำจัดสิ่งที่จะมาทำลายศาสนา ต้นอ้อ กล่าวว่า กราบขออภัยสำนักพุทธศาสนาซึ่งตอนนั้นเราออกมาต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว โดยไม่มีกรอบป้องกัน จนกระทั่งมีทนายอนันต์ชัยหลายคนเข้ามาร่วมแต่ยังไม่ได้เห็นความคืบหน้าของสำนักงานพระพุทธศาสนา ซึ่งอาจจะมีการพูดกระทบกระทั่งแต่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่ไม่ดี ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลักหากไม่ออกมาแอ็ค แล้วก็ เราจะพึ่งพาหน่วยงานอะไรได้ อี้แ

Ladatipamon

Open In TikTok:

Region: TH

Monday 24 June 2024 12:20:19 GMT