@2.ade:

2.ade
2.ade
Open In TikTok:
Region: GB
Sunday 13 October 2024 14:54:52 GMT
1127
81
1
1

Music

Download

Comments

sym_spam1
🪫 :
@lk
2024-10-14 00:15:47
0
To see more videos from user @2.ade, please go to the Tikwm homepage.

Other Videos

“อวิชชา” ปฏิจจสมุปบาท คือ เห็นพระนิพพาน ทีนี้ก็จะอธิบายรายละเอียดของปฏิจจสมุปบาทไปตามลำดับ. ปฏิจจสมุปบาทฝ่ายสมุทยวาร เริ่มตั้งแต่ อวิชชา.  คำว่า อวิชชา แปลว่า ไม่รู้ เป็น ความโง่ ความมืดบอดในทางจิตใจ โดยหลักหมายถึงไม่รู้อริยสัจจ์สี่:  ไม่รู้ว่าความทุกข์คืออะไร,  ไม่รู้ว่าเหตุให้เกิดทุกข์ คืออะไร, ไม่รู้ว่าความไม่เป็นทุกข์คืออะไร, และไม่รู้ว่าหลักปฏิบัติเพื่อความไม่เป็นทุกข์คืออะไร,  แม้จะมีความรู้ทางปริยัติมากมาย แตกฉานในด้านทฤษฎี เป็นพหูสูต  แต่ถ้าจิตใจยังยึดมั่นถือมั่น ดีใจเสียใจ เป็นคนเห็นแก่ตัว แสดงว่ายังมีอวิชชาอยู่นั่นเอง ตรงกันข้าม แม้จะเป็นคนไม่มีความรู้ด้านปริยัติ ไม่แตกฉานในทฤษฎี แต่จิตสะอาด สว่าง สงบ อยู่กับพระนิพพาน แสดงว่าผู้นั้นไม่มีอวิชชา แต่กลับมีวิชชา คือความรู้อย่างแจ่มแจ้งตามที่เป็นจริง.   ในโรงมหรสพทางวิญญาณที่สวนโมกข์ มีภาพปริศนาธรรมอธิบายปฏิจจสมุปบาทอยู่ ข้าพเจ้าจะนำมาประกอบการอธิบายในที่นี้ด้วย.  อวิชชาในภาพ อุปมาเหมือนกับเด็กไร้เดียงสาจูงคนแก่ตาบอด, เด็กก็ไม่รู้อะไรเลย คนแก่ก็ตาบอด เมื่อต่างคนต่างก็ไม่รู้ไม่เห็น ก็พากันเดินเข้าป่าหรือเดินผิดทาง. คนที่ดำเนินชีวิตผิดพลาด มีแต่ปัญหาหรือความทุกข์ ก็เพราะอำนาจของอวิชชา.   ตามธรรมชาติของอวิชชาไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่เกิดดับ แต่เกิดดับเร็วมาก จนมองไม่เห็นในระหว่าง เหมือนกับมีอยู่ตลอดเวลา. ยกตัวอย่างว่า โดยทั่วไปที่เห็นๆ มักจะมีอยู่ ๓ ใบพัด พัดลมที่วางอยู่เฉยๆ ไม่ได้ใช้งาน เราจะเห็นช่องว่างระหว่างใบพัดได้ชัดเจน แต่ถ้านำมาใช้งาน ใบพัดของพัดลมจะหมุนเป็นวงกลมเหมือนกับวงล้อ จะมองไม่เห็นในระหว่าง เพราะความที่ใบพัดนั้นหมุนเร็วนั่นเอง แต่ที่จริงระหว่างนั้นมันมีอยู่.  อวิชชาก็เช่นเดียวกัน เป็นธรรมชาติที่เกิดดับ แต่เพราะความเกิดดับที่เร็วถี่จนมองไม่เห็นในระหว่าง เหมือนกับมีการเกิดอยู่ตลอดเวลา. ทำไมอวิชชาจึงอยู่ได้ ทั้งๆ ที่เป็นธรรมชาติเริ่มแรกสุดของกระแสปฏิจจสมมุปบาทฝ่ายเกิดทุกข์ ?  พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “เพราะมีนิวรณ์เป็นอาหารหล่อเลี้ยงไว้” พระองค์ไม่ได้ตรัสว่านิวรณ์เป็นปัจจัยของอวิชชา แต่กลับตรัสว่านิวรณ์เป็นอาหารของอวิชชา.  ท่านอาจารย์พุทธทาสใช้คำว่า “นิวรณ์เป็นไอกรุ่นของอวิชชา”  เป็นอาหารสำหรับหล่อเลี้ยงอวิชชาให้อ้วนพีอยู่ได้.   นิวรณ์คือสิ่งที่กั้นจิต, ปิดบังจิต,  รบกวนจิต มีอยู่ ๕ อย่าง:- ๑. กามฉันทะ คือความพอใจในกาม เป็นความรู้สึกทางกามที่เกิดขึ้นมาในจิตใจ ๒. พยาบาท คือความคิดประทุษร้าย ควาอึดอัดขัดเคืองไม่พอใจ. ๓. ถีนมิทธะ คือความหดหู่ ความเบื่อ ท้อแท้ จิตแฟบไม่มีกำลัง ๔. อุทธัจจะกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่านรำคาญ จิตฟุ้งฟูไปฝ่ายบวก ๕. วิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ ตัดสินใจอะไรไม่ได้.   นิวรณ์ทั้ง ๕ นี้เป็นกิเลสอย่างกลาง เป็นไอกรุ่นเกิดขึ้นมาจากอวิชชา โดยที่ไม่ต้องสัมผัสกับอายตนะภายนอกเสียก่อน ผิดกับกิเลสอย่างหยาบ เช่น ราคะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ต้องอาศัยการสัมผัสกับอายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ เสียก่อนจึงจะเกิดขึ้นมา.   เป็นอันว่า อวิชชา ก็คือ ความไม่รู้ ความโง่ ความมืดบอดในทางจิตซึ่งอยู่เบื้องหลังของกิเลสทั้งปวง.  ถ้ามีวิชชาอันเกิดจากการฝึกปฏิบัติมาเป็นอย่างดี อวิชชาก็ไม่เกิดขึ้น,  แต่เพราะไม่มีวิชชา ไม่มีสติปัญญา ไม่ได้ฝึก ไม่ได้อบรม อวิชชาจึงเกิดขึ้นมา. โครงการธรรมศึกษาวิจัย : ศึกษาจากคัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกาตลอดจนคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ธีรวัส  บำเพ็ญบุญบารมี ผู้อำนวยการโครงการอนุรักษ์คัมภีร์ มหาบัณฑิตสาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ธรรมศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาค้นคว้าเพื่อเป็นหลักฐานทางวิชาการทางพระพุทธศาสนา ตามหลักสูตรวิจัยคัมภีร์พระพุทธศาสนา มูลนิธิเบญจนิกาย พุทธศักราช  ๒๕๕๐พิมพ์ครั้งที่ ๑  ๕๐๐ เล่ม เพื่อเป็นธรรมทานไม่สงวนลิขสิทธิ์ #อวิชชา #นิวรณ์ #ปฏิจจสมุปบาท #แก่นศาสนาพุทธ #พระนิพพาน #พระไตรปิฎก #โครงการธรรมศึกษาวิจัย #ธีรวัส_บำเพ็ญบุญบารมี #เสียงอ่านธรรมะ #pingmungkalo #กรรมฐานtiktok
“อวิชชา” ปฏิจจสมุปบาท คือ เห็นพระนิพพาน ทีนี้ก็จะอธิบายรายละเอียดของปฏิจจสมุปบาทไปตามลำดับ. ปฏิจจสมุปบาทฝ่ายสมุทยวาร เริ่มตั้งแต่ อวิชชา. คำว่า อวิชชา แปลว่า ไม่รู้ เป็น ความโง่ ความมืดบอดในทางจิตใจ โดยหลักหมายถึงไม่รู้อริยสัจจ์สี่: ไม่รู้ว่าความทุกข์คืออะไร, ไม่รู้ว่าเหตุให้เกิดทุกข์ คืออะไร, ไม่รู้ว่าความไม่เป็นทุกข์คืออะไร, และไม่รู้ว่าหลักปฏิบัติเพื่อความไม่เป็นทุกข์คืออะไร, แม้จะมีความรู้ทางปริยัติมากมาย แตกฉานในด้านทฤษฎี เป็นพหูสูต แต่ถ้าจิตใจยังยึดมั่นถือมั่น ดีใจเสียใจ เป็นคนเห็นแก่ตัว แสดงว่ายังมีอวิชชาอยู่นั่นเอง ตรงกันข้าม แม้จะเป็นคนไม่มีความรู้ด้านปริยัติ ไม่แตกฉานในทฤษฎี แต่จิตสะอาด สว่าง สงบ อยู่กับพระนิพพาน แสดงว่าผู้นั้นไม่มีอวิชชา แต่กลับมีวิชชา คือความรู้อย่างแจ่มแจ้งตามที่เป็นจริง. ในโรงมหรสพทางวิญญาณที่สวนโมกข์ มีภาพปริศนาธรรมอธิบายปฏิจจสมุปบาทอยู่ ข้าพเจ้าจะนำมาประกอบการอธิบายในที่นี้ด้วย. อวิชชาในภาพ อุปมาเหมือนกับเด็กไร้เดียงสาจูงคนแก่ตาบอด, เด็กก็ไม่รู้อะไรเลย คนแก่ก็ตาบอด เมื่อต่างคนต่างก็ไม่รู้ไม่เห็น ก็พากันเดินเข้าป่าหรือเดินผิดทาง. คนที่ดำเนินชีวิตผิดพลาด มีแต่ปัญหาหรือความทุกข์ ก็เพราะอำนาจของอวิชชา. ตามธรรมชาติของอวิชชาไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลา เป็นสิ่งที่เกิดดับ แต่เกิดดับเร็วมาก จนมองไม่เห็นในระหว่าง เหมือนกับมีอยู่ตลอดเวลา. ยกตัวอย่างว่า โดยทั่วไปที่เห็นๆ มักจะมีอยู่ ๓ ใบพัด พัดลมที่วางอยู่เฉยๆ ไม่ได้ใช้งาน เราจะเห็นช่องว่างระหว่างใบพัดได้ชัดเจน แต่ถ้านำมาใช้งาน ใบพัดของพัดลมจะหมุนเป็นวงกลมเหมือนกับวงล้อ จะมองไม่เห็นในระหว่าง เพราะความที่ใบพัดนั้นหมุนเร็วนั่นเอง แต่ที่จริงระหว่างนั้นมันมีอยู่. อวิชชาก็เช่นเดียวกัน เป็นธรรมชาติที่เกิดดับ แต่เพราะความเกิดดับที่เร็วถี่จนมองไม่เห็นในระหว่าง เหมือนกับมีการเกิดอยู่ตลอดเวลา. ทำไมอวิชชาจึงอยู่ได้ ทั้งๆ ที่เป็นธรรมชาติเริ่มแรกสุดของกระแสปฏิจจสมมุปบาทฝ่ายเกิดทุกข์ ? พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “เพราะมีนิวรณ์เป็นอาหารหล่อเลี้ยงไว้” พระองค์ไม่ได้ตรัสว่านิวรณ์เป็นปัจจัยของอวิชชา แต่กลับตรัสว่านิวรณ์เป็นอาหารของอวิชชา. ท่านอาจารย์พุทธทาสใช้คำว่า “นิวรณ์เป็นไอกรุ่นของอวิชชา” เป็นอาหารสำหรับหล่อเลี้ยงอวิชชาให้อ้วนพีอยู่ได้. นิวรณ์คือสิ่งที่กั้นจิต, ปิดบังจิต, รบกวนจิต มีอยู่ ๕ อย่าง:- ๑. กามฉันทะ คือความพอใจในกาม เป็นความรู้สึกทางกามที่เกิดขึ้นมาในจิตใจ ๒. พยาบาท คือความคิดประทุษร้าย ควาอึดอัดขัดเคืองไม่พอใจ. ๓. ถีนมิทธะ คือความหดหู่ ความเบื่อ ท้อแท้ จิตแฟบไม่มีกำลัง ๔. อุทธัจจะกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่านรำคาญ จิตฟุ้งฟูไปฝ่ายบวก ๕. วิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัย ไม่แน่ใจ ตัดสินใจอะไรไม่ได้. นิวรณ์ทั้ง ๕ นี้เป็นกิเลสอย่างกลาง เป็นไอกรุ่นเกิดขึ้นมาจากอวิชชา โดยที่ไม่ต้องสัมผัสกับอายตนะภายนอกเสียก่อน ผิดกับกิเลสอย่างหยาบ เช่น ราคะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ต้องอาศัยการสัมผัสกับอายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ เสียก่อนจึงจะเกิดขึ้นมา. เป็นอันว่า อวิชชา ก็คือ ความไม่รู้ ความโง่ ความมืดบอดในทางจิตซึ่งอยู่เบื้องหลังของกิเลสทั้งปวง. ถ้ามีวิชชาอันเกิดจากการฝึกปฏิบัติมาเป็นอย่างดี อวิชชาก็ไม่เกิดขึ้น, แต่เพราะไม่มีวิชชา ไม่มีสติปัญญา ไม่ได้ฝึก ไม่ได้อบรม อวิชชาจึงเกิดขึ้นมา. โครงการธรรมศึกษาวิจัย : ศึกษาจากคัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกาตลอดจนคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ธีรวัส  บำเพ็ญบุญบารมี ผู้อำนวยการโครงการอนุรักษ์คัมภีร์ มหาบัณฑิตสาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ธรรมศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาค้นคว้าเพื่อเป็นหลักฐานทางวิชาการทางพระพุทธศาสนา ตามหลักสูตรวิจัยคัมภีร์พระพุทธศาสนา มูลนิธิเบญจนิกาย พุทธศักราช  ๒๕๕๐พิมพ์ครั้งที่ ๑  ๕๐๐ เล่ม เพื่อเป็นธรรมทานไม่สงวนลิขสิทธิ์ #อวิชชา #นิวรณ์ #ปฏิจจสมุปบาท #แก่นศาสนาพุทธ #พระนิพพาน #พระไตรปิฎก #โครงการธรรมศึกษาวิจัย #ธีรวัส_บำเพ็ญบุญบารมี #เสียงอ่านธรรมะ #pingmungkalo #กรรมฐานtiktok

About