@infotainment.sctv: Sebelum menjalankan syuting, Nicole Rossi mempersiapkan rambutnya untuk dicurly. Selain itu, Nicole Rossi juga memperlihatkan suasana lokasi syuting Asmara Gen Z. Seperti apa ya keseruannya? Intip yuk! 😍 #SCTVInfotainment #HotShot #AsmaraGenZ #NicoleRossi #fyp

Infotainment SCTV
Infotainment SCTV
Open In TikTok:
Region: ID
Monday 06 January 2025 01:19:09 GMT
415047
39166
128
256

Music

Download

Comments

for_everlc
aqualinascoris :
dia tuh cantik bgt ngk sih
2025-01-06 04:26:27
2330
itsbilaspace
🪐 :
nicole udh besar dulu aku nonton dia jdi elif🥺
2025-01-06 03:44:49
1130
chochoiza
chochoiza :
JAYAAA GW SUKA LU MODE NICHOLE😂
2025-01-06 05:19:33
508
mamihyola1
Pi :
nicole cantik 🥰
2025-01-06 01:29:17
226
sintiakanata1
Sintia Kanata :
dia manusia atau bidadari kah?!?!
2025-01-06 08:44:40
40
via.arien
Via Arien :
dia knp cantik banget sih tinggi juga..
2025-01-06 03:03:05
114
marsyaaa1235
marsya123 :
Nicole emng cntikkk bngett❤️😍
2025-01-06 02:09:14
104
choc0chipszzz
choc0chipszzz :
NICOLE YOU ARE SO BEAUTIFUL😍❤️
2025-01-06 04:06:50
53
aku.dif
Aku.DIF :
suka bgt sama Nicole🥰
2025-01-06 03:51:46
35
ceu7052
oke :
Nicole lucuuuuu😆🫰🏻
2025-01-06 02:10:50
31
asuna_02
Kastangel :
semanangat syutingnya nicole
2025-01-06 03:07:43
29
inileoyagez
🦁Rrrrrr :
cantik amat sich😍😍😍
2025-01-06 05:28:59
28
jennis_lilyan20
Lilyan.zaniera :
Nicole 😍😍😍 cantik bgt, lembut, baik hati, aaaa sukses yaaa. sayang bgt sama Nicole 🥺 semangat terus berkarya yaa 🔥🔥🔥
2025-01-06 05:25:16
18
dewiiiee7
dewiie :
Nicole cantikkkk bangettt🥰😍
2025-01-06 06:56:08
13
whdainaa_
a. :
cantik bgt dia😍
2025-01-06 04:53:04
11
syachh_24
zisaa :
ga nicole ga Jaya sama aja gasiii aslinyaa lucuuu bgttt😭
2025-01-08 03:45:54
10
itsss.abyy2
abyy_dh :
mmg polos yah wakkk
2025-01-06 08:23:53
8
rarascdr
Rara :
zara bgt anjir pas senyum pas cek nama cast di seragam😂
2025-01-06 03:09:08
8
luvuuby
- :
pipi nya naturally blushing
2025-01-08 00:28:19
5
schnoopie_jn
Jeni :
ohh yg foto di tmpt lapangn bola ya, sma aqeela, kan disana rmbutnya lurus, dan rmbut aqeela gelap.
2025-01-06 05:51:54
5
dindabebies
dinda :
CANTIK BGT🌷💗
2025-01-06 03:10:17
5
sasyra6
ssar:( :
siapa yang umur nya sama kaya Nicole rossi😁
2025-01-06 06:40:48
3
syafa.luvv11
°✧luvv.syafa✧°® :
Nicole ikut Aqeela gasi mau rambut lurus
2025-01-06 10:24:21
0
yeoba_
Bilo_22 :
Nicol cantik sekali🤍
2025-04-09 12:17:26
4
juli.junia
Juli Junia :
suara Ama ketawanya cute parah..lope zaya/nicole🥰
2025-03-19 07:33:59
3
To see more videos from user @infotainment.sctv, please go to the Tikwm homepage.

Other Videos

คุณเคยสงสัยไหมว่า... จะรู้ได้อย่างไรว่าเส้นทางไหนนำไปสู่ความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง ในครั้งหนึ่ง เมื่อพระสารีบุตรผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าถึงหนทางสู่ความหลุดพ้น ว่ามีองค์ประกอบอย่างไร จึงจะทำให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายได้จริง พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ชัดเจนว่า ทางสายเดียวเท่านั้นที่จะพาให้ถึงความสงบ คือ “อริยมรรคมีองค์แปด” คำว่า “อริยมรรค” หมายถึง “หนทางของผู้เจริญแล้ว” หนทางของผู้รู้ ผู้เห็น ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ใช่ทางเดินทั่ว ๆ ไป แต่เป็นทางที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เอง และสั่งสอนแก่ผู้อื่น เป็นทางที่ต้องดำเนินด้วยจิตที่มีศีล มีสมาธิ และมีปัญญา พระสารีบุตรจึงทูลถามพระพุทธเจ้าต่อไปว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อริยมรรคมีองค์แปดย่อได้ไหม” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อริยมรรคมีองค์แปดย่อได้ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา” นี่คือหัวใจของไตรสิกขา คือการฝึกตนด้วยการรักษาศีล อบรมสมาธิ และพัฒนาปัญญาให้แจ่มแจ้ง มรรคแปดที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ มีองค์ประกอบดังนี้ หนึ่ง สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ สอง สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ สาม สัมมาวาจา วาจาชอบ สี่ สัมมากัมมันตะ การกระทำชอบ ห้า สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีพชอบ หก สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ เจ็ด สัมมาสติ ความระลึกชอบ แปด สัมมาสมาธิ สมาธิชอบ ทุกองค์ล้วนทำหน้าที่ร่วมกัน เปรียบเหมือนเส้นใยที่ถักทอเป็นทางเดิน ให้ผู้ปฏิบัติสามารถข้ามจากฝั่งแห่งความหลง ไปยังฝั่งแห่งความรู้แจ้งและความหลุดพ้นได้ สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นถูก เห็นอริยสัจ ๔ เห็นเหตุแห่งทุกข์ เห็นหนทางดับทุกข์อย่างไม่คลาดเคลื่อน สัมมาสังกัปปะ คือความดำริชอบ ความคิดที่ไม่มีโทษ ไม่เบียดเบียน ไม่พัวพันอยู่ในกาม ไม่จองเวร ไม่โกรธแค้น สัมมาวาจา คือคำพูดที่ถูกต้อง ไม่พูดปด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด และไม่พูดเพ้อเจ้อ สัมมากัมมันตะ คือการกระทำชอบ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม สัมมาอาชีวะ คือการเลี้ยงชีพที่ไม่ผิดธรรม ไม่ค้าขายอาวุธ มนุษย์ สัตว์ เนื้อสัตว์ ยาพิษ หรือของมึนเมา สัมมาวายามะ คือความเพียรที่ชอบ พยายามละอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ระวังไม่ให้เกิด และเพียรสร้างกุศลธรรมให้เกิดขึ้นและตั้งมั่น สัมมาสติ คือสติระลึกได้ชอบ โดยเฉพาะสติปัฏฐานสี่ คือ ระลึกรู้กาย เวทนา จิต และธรรม สัมมาสมาธิ คือสมาธิที่ตั้งมั่นชอบ มีองค์แห่งฌานคือวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ไม่ใช่สมาธิแบบหลงมัวเมา หรือมิจฉาสมาธิที่ไปยึดสิ่งผิด พระสารีบุตรทูลถามอีกว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค การดำเนินมรรคแปดนี้ ต้องดำเนินพร้อมกันหรือไม่?” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “องค์ทั้งแปดนี้มิได้แยกจากกัน แต่ทำหน้าที่ร่วมกัน เหมือนล้อเกวียนที่หมุนไปพร้อมกัน จึงพาผู้ปฏิบัติให้ถึงจุดหมายได้” พระองค์ตรัสเปรียบเปรยว่า สัมมาทิฏฐิ เป็นดั่งผู้นำทาง สัมมาสมาธิ เป็นดั่งร่มเงาแห่งจิต และศีลทั้งหลาย เป็นดั่งฐานที่มั่น ผู้ใดมีสัมมาทิฏฐิ ผู้นั้นย่อมเดินทางถูก ไม่คลาดเคลื่อนไปจากทางแห่งความจริง ผู้ใดมีสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ ผู้นั้นมีความประพฤติบริสุทธิ์ ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ผู้ใดมีสัมมาสติและสัมมาสมาธิ ผู้นั้นย่อมมีจิตตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว สามารถพิจารณาไตรลักษณ์ได้อย่างลึกซึ้ง พระสารีบุตรเมื่อฟังธรรมแล้ว ได้กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คำสอนของพระองค์ไพเราะนัก เหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลง จุดประทีปในที่มืด” พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ดูก่อนสารีบุตร มรรคแปดนี้แล คือทางเดียวที่เราบัญญัติไว้ เพื่อการสิ้นไปแห่งทุกข์โดยชอบ” มรรคนี้มิใช่ทางที่ต้องเชื่อ แต่มรรคนี้ต้องเดิน ต้องฝึก ต้องพิจารณา ต้องปฏิบัติ เมื่อบุคคลดำเนินตามมรรค ย่อมละความหลง ความโกรธ ความอยาก ย่อมปล่อยจากความยึดมั่นถือมั่น จนกระทั่งเห็นความจริงแห่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของเรา สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดับลง การเห็นเช่นนี้ ย่อมทำให้จิตสงบ แม้กายจะทุกข์ แม้ชีวิตจะยาก แต่จิตจะไม่กระสับกระส่าย ดุจดังคำที่พระสารีบุตรเคยแสดงแก่คฤหบดีผู้หนึ่งว่า “เมื่อกายกระสับกระส่ายอยู่ จิตของเราจักไม่กระสับกระส่าย” ท่านผู้ฟังทั้งหลาย มรรค 8 นี้ไม่ใช่เรื่องของพระ  ไม่ใช่เรื่องของผู้บวช แต่เป็นทางของผู้ต้องการพ้นทุกข์ เป็นทางของมนุษย์ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้เดินวันละก้าว ก็ยังดีกว่าไม่เดินเลย แม้ไม่บรรลุอรหัตผลในชาตินี้ แต่หากใจตั้งมั่นในมรรคนี้ บุคคลนั้นก็ชื่อว่าอยู่ในกระแสของธรรม ไม่ไหลไปตามกระแสแห่งกิเลส ขอให้ผู้ฟังทั้งหลาย หันกลับมาสู่ภายใน เดินตามทางแห่งสัมมาทิฏฐิ ฝึกพูด ฝึกคิด ฝึกกระทำ ด้วยความชอบ ด้วยจิตที่สงบ แล้วท่านจะพบหนทางที่พระพุทธเจ้าชี้ไว้ มิใช่ทางของความเชื่อ แต่เป็นทางแห่งความรู้แจ้ง
คุณเคยสงสัยไหมว่า... จะรู้ได้อย่างไรว่าเส้นทางไหนนำไปสู่ความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง ในครั้งหนึ่ง เมื่อพระสารีบุตรผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าถึงหนทางสู่ความหลุดพ้น ว่ามีองค์ประกอบอย่างไร จึงจะทำให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งหลายได้จริง พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ชัดเจนว่า ทางสายเดียวเท่านั้นที่จะพาให้ถึงความสงบ คือ “อริยมรรคมีองค์แปด” คำว่า “อริยมรรค” หมายถึง “หนทางของผู้เจริญแล้ว” หนทางของผู้รู้ ผู้เห็น ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ใช่ทางเดินทั่ว ๆ ไป แต่เป็นทางที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เอง และสั่งสอนแก่ผู้อื่น เป็นทางที่ต้องดำเนินด้วยจิตที่มีศีล มีสมาธิ และมีปัญญา พระสารีบุตรจึงทูลถามพระพุทธเจ้าต่อไปว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อริยมรรคมีองค์แปดย่อได้ไหม” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อริยมรรคมีองค์แปดย่อได้ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา” นี่คือหัวใจของไตรสิกขา คือการฝึกตนด้วยการรักษาศีล อบรมสมาธิ และพัฒนาปัญญาให้แจ่มแจ้ง มรรคแปดที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ มีองค์ประกอบดังนี้ หนึ่ง สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ สอง สัมมาสังกัปปะ ความดำริชอบ สาม สัมมาวาจา วาจาชอบ สี่ สัมมากัมมันตะ การกระทำชอบ ห้า สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีพชอบ หก สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ เจ็ด สัมมาสติ ความระลึกชอบ แปด สัมมาสมาธิ สมาธิชอบ ทุกองค์ล้วนทำหน้าที่ร่วมกัน เปรียบเหมือนเส้นใยที่ถักทอเป็นทางเดิน ให้ผู้ปฏิบัติสามารถข้ามจากฝั่งแห่งความหลง ไปยังฝั่งแห่งความรู้แจ้งและความหลุดพ้นได้ สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นถูก เห็นอริยสัจ ๔ เห็นเหตุแห่งทุกข์ เห็นหนทางดับทุกข์อย่างไม่คลาดเคลื่อน สัมมาสังกัปปะ คือความดำริชอบ ความคิดที่ไม่มีโทษ ไม่เบียดเบียน ไม่พัวพันอยู่ในกาม ไม่จองเวร ไม่โกรธแค้น สัมมาวาจา คือคำพูดที่ถูกต้อง ไม่พูดปด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด และไม่พูดเพ้อเจ้อ สัมมากัมมันตะ คือการกระทำชอบ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม สัมมาอาชีวะ คือการเลี้ยงชีพที่ไม่ผิดธรรม ไม่ค้าขายอาวุธ มนุษย์ สัตว์ เนื้อสัตว์ ยาพิษ หรือของมึนเมา สัมมาวายามะ คือความเพียรที่ชอบ พยายามละอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ระวังไม่ให้เกิด และเพียรสร้างกุศลธรรมให้เกิดขึ้นและตั้งมั่น สัมมาสติ คือสติระลึกได้ชอบ โดยเฉพาะสติปัฏฐานสี่ คือ ระลึกรู้กาย เวทนา จิต และธรรม สัมมาสมาธิ คือสมาธิที่ตั้งมั่นชอบ มีองค์แห่งฌานคือวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ไม่ใช่สมาธิแบบหลงมัวเมา หรือมิจฉาสมาธิที่ไปยึดสิ่งผิด พระสารีบุตรทูลถามอีกว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค การดำเนินมรรคแปดนี้ ต้องดำเนินพร้อมกันหรือไม่?” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “องค์ทั้งแปดนี้มิได้แยกจากกัน แต่ทำหน้าที่ร่วมกัน เหมือนล้อเกวียนที่หมุนไปพร้อมกัน จึงพาผู้ปฏิบัติให้ถึงจุดหมายได้” พระองค์ตรัสเปรียบเปรยว่า สัมมาทิฏฐิ เป็นดั่งผู้นำทาง สัมมาสมาธิ เป็นดั่งร่มเงาแห่งจิต และศีลทั้งหลาย เป็นดั่งฐานที่มั่น ผู้ใดมีสัมมาทิฏฐิ ผู้นั้นย่อมเดินทางถูก ไม่คลาดเคลื่อนไปจากทางแห่งความจริง ผู้ใดมีสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ ผู้นั้นมีความประพฤติบริสุทธิ์ ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ผู้ใดมีสัมมาสติและสัมมาสมาธิ ผู้นั้นย่อมมีจิตตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว สามารถพิจารณาไตรลักษณ์ได้อย่างลึกซึ้ง พระสารีบุตรเมื่อฟังธรรมแล้ว ได้กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คำสอนของพระองค์ไพเราะนัก เหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลง จุดประทีปในที่มืด” พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ดูก่อนสารีบุตร มรรคแปดนี้แล คือทางเดียวที่เราบัญญัติไว้ เพื่อการสิ้นไปแห่งทุกข์โดยชอบ” มรรคนี้มิใช่ทางที่ต้องเชื่อ แต่มรรคนี้ต้องเดิน ต้องฝึก ต้องพิจารณา ต้องปฏิบัติ เมื่อบุคคลดำเนินตามมรรค ย่อมละความหลง ความโกรธ ความอยาก ย่อมปล่อยจากความยึดมั่นถือมั่น จนกระทั่งเห็นความจริงแห่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่ของเรา สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดับลง การเห็นเช่นนี้ ย่อมทำให้จิตสงบ แม้กายจะทุกข์ แม้ชีวิตจะยาก แต่จิตจะไม่กระสับกระส่าย ดุจดังคำที่พระสารีบุตรเคยแสดงแก่คฤหบดีผู้หนึ่งว่า “เมื่อกายกระสับกระส่ายอยู่ จิตของเราจักไม่กระสับกระส่าย” ท่านผู้ฟังทั้งหลาย มรรค 8 นี้ไม่ใช่เรื่องของพระ ไม่ใช่เรื่องของผู้บวช แต่เป็นทางของผู้ต้องการพ้นทุกข์ เป็นทางของมนุษย์ทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ แม้เดินวันละก้าว ก็ยังดีกว่าไม่เดินเลย แม้ไม่บรรลุอรหัตผลในชาตินี้ แต่หากใจตั้งมั่นในมรรคนี้ บุคคลนั้นก็ชื่อว่าอยู่ในกระแสของธรรม ไม่ไหลไปตามกระแสแห่งกิเลส ขอให้ผู้ฟังทั้งหลาย หันกลับมาสู่ภายใน เดินตามทางแห่งสัมมาทิฏฐิ ฝึกพูด ฝึกคิด ฝึกกระทำ ด้วยความชอบ ด้วยจิตที่สงบ แล้วท่านจะพบหนทางที่พระพุทธเจ้าชี้ไว้ มิใช่ทางของความเชื่อ แต่เป็นทางแห่งความรู้แจ้ง

About