@maryearps: On today’s episode of my teammates do actually love me, I’m rating my teammates out of 10 on their level of “scaredy-cat-ness” 🤣 #teammates #footballtiktok @manutd @manutdwomen

Mary Earps MBE
Mary Earps MBE
Open In TikTok:
Region: GB
Tuesday 26 April 2022 16:25:43 GMT
372366
29864
110
82

Music

Download

Comments

vmiedema
awfc :
ona looked so unimpressed 😭😂
2022-04-26 16:53:42
237
txlerzzz
tyler𖣂 :
The 5th girl😍
2022-04-26 16:34:16
3
rohan63364644
Goofyahhdog :
Hi😌
2022-04-26 16:35:20
1
maryearps
Mary Earps MBE :
Who’s reaction was your favourite? 😂
2022-04-26 16:29:48
91
superkerr
Flooo💙 :
Too funny 😂
2022-04-26 16:55:58
5
woso.editsx
Woso.Editsx :
Have you taken over the job of scaring people since Millie T isn’t here 😭😜
2022-04-26 16:44:16
53
michaelruthlessreed
MRR19 :
That was mean… do it again 😏
2022-07-13 06:27:32
2
To see more videos from user @maryearps, please go to the Tikwm homepage.

Other Videos

Seorang Ahli Parlimen kerajaan, membantah pelaksanaan Program Latihan Khidmat Negara (PLKN) 3.0 berikutan menelan belanja besar dan bukan keperluan mendesak untuk rakyat. Perkara itu disuarakan Ahli Parlimen Raub, Chow Yu Hui yang berpendirian kerajaan perlu membuat kajian lanjut bagi melaksanakan program mengikut keperluan dan berimpak tinggi yang lebih memberi manfaat kepada keseluruhan rakyat.
Seorang Ahli Parlimen kerajaan, membantah pelaksanaan Program Latihan Khidmat Negara (PLKN) 3.0 berikutan menelan belanja besar dan bukan keperluan mendesak untuk rakyat. Perkara itu disuarakan Ahli Parlimen Raub, Chow Yu Hui yang berpendirian kerajaan perlu membuat kajian lanjut bagi melaksanakan program mengikut keperluan dan berimpak tinggi yang lebih memberi manfaat kepada keseluruhan rakyat. "Saya berdiri hari ini dengan pendirian yang jelas, iaitu saya membantah cadangan untuk melaksanakan semula PLKN atas beberapa sebab yang akan saya jelaskan. "Pertama, PLKN memerlukan peruntukan sangat besar. Dalam keadaan ekonomi sekarang, negara kita masih berhadapan dengan masalah kewangan. "Kita masih berada dalam proses pemulihan pasca-pandemik, dengan kos sara hidup yang tinggi dan rakyat berdepan tekanan inflasi. "Tidakkah dana yang diperuntukkan untuk PLKN lebih baik dialihkan kepada sektor kritikal seperti pendidikan, kesihatan dan pemerkasaan ekonomi rakyat? Adakah program ini satu keperluan mendesak pada masa ini?" katanya pada sesi perbahasan Rang Undang-Undang (RUU) Perbekalan 2025 di Dewan Rakyat hari ini. "Sejak awal, PLKN diperkenalkan untuk membina semangat patriotisme, disiplin dan perpaduan dalam kalangan belia. "Namun, apakah ada kajian mendalam benar-benar menunjukkan keberkesanan PLKN dan pencapaian matlamat asalnya "Ini menimbulkan kebimbangan sama ada PLKN benar-benar memberikan nilai tambah kepada belia atau sekadar menjadi program rutin tanpa perubahan yang signifikan," katanya. Katanya, walaupun sasaran utama PLKN 3.0 adalah pelajar yang baru menamatkan Sijil Pelajaran Malaysia (SPM), namun tidak mengecualikan pelajar serta graduan universiti. "Apa yang ingin saya nyatakan ialah golongan belia di bawah umur 35 tahun ini kebanyakannya masih berada dalam fasa pengajian, malah ada yang sudah menamatkan pengajian di universiti dan bekerja di alam pekerjaan, bahkan ada yang sudah berkeluarga. "Jika sebahagian daripada golongan ini menyertai PLKN, walaupun hanya untuk tempoh dua bulan, ia mungkin memberi kesan besar kepada kehidupan mereka. "Ketiadaan pendapatan selama dua bulan bermakna tiada gaji untuk tempoh tersebut, sedangkan ramai antara mereka perlu menanggung kos kehidupan seperti bayaran pinjaman rumah, kereta dan perbelanjaan untuk anak-anak. "Bagi sesetengah penuntut pula, mereka mungkin memilih untuk bekerja sambilan pada cuti semester untuk menampung kos pengajian. "Jika tujuannya untuk melahirkan belia yang lebih berdisiplin dan patriotik, mengapa kita tidak fokus kepada program lebih holistik, yang melibatkan komuniti, pendidikan formal dan bukan formal? "Kita mempunyai program sedia ada seperti Rakan Muda, program sukarelawan dan pelbagai inisiatif di sekolah dan universiti yang boleh diperbaiki serta diperluas untuk membina nilai-nilai yang sama tanpa membebankan belanjawan negara. Disiarkan pada: Oktober 29, 2024 https://www.hmetro.com.my/mutakhir/2024/10/1149563/ahli-parlimen-kerajaan-bantah-pelaksanaan-plkn-30
🔥 ๒.ปัจจยปริคคหญาณ  🌾🪷🪷🪷🌾 ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.  🌾🪷🌾 ขอกราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผู้มีอุปการคุณมาก.                 🌾🪷🌾 จูฬโสดาบันบุคคล ผู้มีคติแน่นอน.  วิปัสสนาญาน ที่ ๒ คือ ปัจจยปริคคหญาณ ในช่วงแรกนั้น ปัจจยปริคคหญาณ ประจักษ์แจ้ง! การเกิดขึ้น..ของจิตเห็น จิตได้ยิน หรือรูปสี รูปเสียง หรือว่ารูปหยาบทั้ง ๗ ประจักษ์แจ้ง! การเกิดขึ้นของสุขเวทนา หรือ การเกิดขึ้นของทุกขเวทนา ที่สำคัญคือ ประจักษ์แจ้ง นามนึกคิด! โดยความเป็นอนัตตา! โดยความเป็นปัจจัยต่างๆ เป็นการประจักษ์แจ้ง เฉพาะการเกิดขึ้น..เท่านั้น ยังไม่นับรวมถึง..การดับไป ที่ญาณประจักษ์ ตรงนั้นคือ มโนทวารวิถีจิตวาระแรก ที่รับรู้อารมณ์เดียวกัน กับปัญจทวารวิถีจิต..ตัวจริง! แต่ว่า..ปัญจทวารวิถีจิต ตัวจริง! ก็ยังไม่ปรากฏ! เพราะเหตุว่า ถูกมโนทวารวิถีจิต วาระแรก! ที่ญาณกำลังประจักษ์แจ้ง! นั่นแหละ ปิดบัง..เอาไว้ ในขณะที่ญาณประจักษ์แจ้ง ทุกๆ อารมณ์ จะมีจิตคิด! ที่สั้นแสนสั้น! ผุดแทรกคั่น! สืบต่อกัน! อย่างแนบสนิท จนปิดบัง..การดับไป! ตลอดระยะเวลาที่ประจักษ์ สุขเวทนาหรือทุกขเวทนา นัยยะเดียวกัน ยังมีการตรึก จึงชื่อว่าจินตาญาณ! เมื่อญาณประจักษ์แจ้ง ต่อนามธรรมและรูปธรรม โดยความเป็นปัจจัย ต่างๆ ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ จนกระทั่งเป็นปัจจัยให้ญาณ ในช่วงหลัง! เกิดขึ้นประจักษ์แจ้ง ต่อลักษณะการเกิดและการดับ ของนามธรรมและรูปธรรม ทุกประเภท ที่เสมอกัน¤ โดยปัจจยปริคคหญาณ¤ เป็นการประจักษ์โดยความเป็นทุกข์¤ เพราะเหตุว่า การเกิดขึ้น! ปรากฏ การดับไป! ปรากฏ ถึงแม้ว่า การตั้งอยู่! การสืบต่อ! ไม่ปรากฏก็ตาม แต่นั่น คือ ทุกขลักษณะ ที่เกิดดับ!! โดยปราศจากการตรึก แทรกคั่น!! จากเดิมญาณประจักษ์แจ้ง รูปธรรม มีเสียง เป็นต้น ญาณประจักษ์แจ้ง นามธรรมอื่นๆ มีทุกขเวทนา เป็นต้น ทั้งรูปธรรมและนามธรรม!! ที่ผ่านทางปัญจทวารวิถีจิต จะปรากฏเสมอกัน!! กับมโนทวารวิถีจิตวาระแรก วาระเดียว ขณะนั้น นามนึกคิด ถูกระงับไปชั่วคราว จึงไม่มีมโนทวารวิถีจิต วาระถัดไปเกิดขึ้นตรึก ดั่งเช่นญาณข้างต้น เป็นความสมบูรณ์ ของปัจจยปริคคหญาณ! ความเป็นไปของจิตคิด เห็นแล้วคิด! ได้ยินแล้วคิด! ถึงแม้ว่า ไม่เห็น ไม่ได้ยิน จิตก็ยังคิด จิตตนิยามนี้ จะแจ่มแจ้งสิ้นความสงสัย ด้วยปัจจยปริคคหญาณ เพราะปรากฏครบ! ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ที่เสมอกันโดยญาณ¤ จะเกิดดับสืบต่อ ณ สถานที่เดียวกัน จะไม่ปรากฏเกิดขึ้น เหมือนกับจิตเห็น จิตได้ยิน หรือ จิตที่กำลังรู้ รูปหยาบ¤ อย่างหนึ่งอย่างใด เหมือนเช่นกับวิปัสสนาญาณทั่วไป แต่ทุกรูป ทุกนาม ไม่มีเว้น! จะปรากฏเป็นรูปชนิดหนึ่ง มีลักษณะเฉพาะ¤ เกิดดับสืบต่อ เสมอกันไป! ไม่ขาดสาย! จึงข้ามพ้นความสงสัย! ในกาลทั้ง ๓ ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม! ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิ! ล่วงภูมิปุถุชน เป็นจูฬโสดาบันบุคคล มีคติแน่นอน ถึงแม้ว่า! วิปัสสนาญาณ ที่ ๑, ๒, ๓ ยังเป็นจินตาญาณ ยังมีการตรึกถึงญาณก็จริง แต่ยกเว้น ขณะที่สภาพธรรม ปรากฏเสมอกัน ขณะนั้น ไม่มีการตรึก! ถึงนามธรรมและรูปธรรม ที่กำลังประจักษ์ อย่างแน่นอนครับ¤ 🌾🪷🌾 มุ่งอรรถ มุ่งประโยชน์ มุ่งธรรม.
🔥 ๒.ปัจจยปริคคหญาณ 🌾🪷🪷🪷🌾 ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น. 🌾🪷🌾 ขอกราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผู้มีอุปการคุณมาก. 🌾🪷🌾 จูฬโสดาบันบุคคล ผู้มีคติแน่นอน. วิปัสสนาญาน ที่ ๒ คือ ปัจจยปริคคหญาณ ในช่วงแรกนั้น ปัจจยปริคคหญาณ ประจักษ์แจ้ง! การเกิดขึ้น..ของจิตเห็น จิตได้ยิน หรือรูปสี รูปเสียง หรือว่ารูปหยาบทั้ง ๗ ประจักษ์แจ้ง! การเกิดขึ้นของสุขเวทนา หรือ การเกิดขึ้นของทุกขเวทนา ที่สำคัญคือ ประจักษ์แจ้ง นามนึกคิด! โดยความเป็นอนัตตา! โดยความเป็นปัจจัยต่างๆ เป็นการประจักษ์แจ้ง เฉพาะการเกิดขึ้น..เท่านั้น ยังไม่นับรวมถึง..การดับไป ที่ญาณประจักษ์ ตรงนั้นคือ มโนทวารวิถีจิตวาระแรก ที่รับรู้อารมณ์เดียวกัน กับปัญจทวารวิถีจิต..ตัวจริง! แต่ว่า..ปัญจทวารวิถีจิต ตัวจริง! ก็ยังไม่ปรากฏ! เพราะเหตุว่า ถูกมโนทวารวิถีจิต วาระแรก! ที่ญาณกำลังประจักษ์แจ้ง! นั่นแหละ ปิดบัง..เอาไว้ ในขณะที่ญาณประจักษ์แจ้ง ทุกๆ อารมณ์ จะมีจิตคิด! ที่สั้นแสนสั้น! ผุดแทรกคั่น! สืบต่อกัน! อย่างแนบสนิท จนปิดบัง..การดับไป! ตลอดระยะเวลาที่ประจักษ์ สุขเวทนาหรือทุกขเวทนา นัยยะเดียวกัน ยังมีการตรึก จึงชื่อว่าจินตาญาณ! เมื่อญาณประจักษ์แจ้ง ต่อนามธรรมและรูปธรรม โดยความเป็นปัจจัย ต่างๆ ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปตามลำดับ จนกระทั่งเป็นปัจจัยให้ญาณ ในช่วงหลัง! เกิดขึ้นประจักษ์แจ้ง ต่อลักษณะการเกิดและการดับ ของนามธรรมและรูปธรรม ทุกประเภท ที่เสมอกัน¤ โดยปัจจยปริคคหญาณ¤ เป็นการประจักษ์โดยความเป็นทุกข์¤ เพราะเหตุว่า การเกิดขึ้น! ปรากฏ การดับไป! ปรากฏ ถึงแม้ว่า การตั้งอยู่! การสืบต่อ! ไม่ปรากฏก็ตาม แต่นั่น คือ ทุกขลักษณะ ที่เกิดดับ!! โดยปราศจากการตรึก แทรกคั่น!! จากเดิมญาณประจักษ์แจ้ง รูปธรรม มีเสียง เป็นต้น ญาณประจักษ์แจ้ง นามธรรมอื่นๆ มีทุกขเวทนา เป็นต้น ทั้งรูปธรรมและนามธรรม!! ที่ผ่านทางปัญจทวารวิถีจิต จะปรากฏเสมอกัน!! กับมโนทวารวิถีจิตวาระแรก วาระเดียว ขณะนั้น นามนึกคิด ถูกระงับไปชั่วคราว จึงไม่มีมโนทวารวิถีจิต วาระถัดไปเกิดขึ้นตรึก ดั่งเช่นญาณข้างต้น เป็นความสมบูรณ์ ของปัจจยปริคคหญาณ! ความเป็นไปของจิตคิด เห็นแล้วคิด! ได้ยินแล้วคิด! ถึงแม้ว่า ไม่เห็น ไม่ได้ยิน จิตก็ยังคิด จิตตนิยามนี้ จะแจ่มแจ้งสิ้นความสงสัย ด้วยปัจจยปริคคหญาณ เพราะปรากฏครบ! ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ที่เสมอกันโดยญาณ¤ จะเกิดดับสืบต่อ ณ สถานที่เดียวกัน จะไม่ปรากฏเกิดขึ้น เหมือนกับจิตเห็น จิตได้ยิน หรือ จิตที่กำลังรู้ รูปหยาบ¤ อย่างหนึ่งอย่างใด เหมือนเช่นกับวิปัสสนาญาณทั่วไป แต่ทุกรูป ทุกนาม ไม่มีเว้น! จะปรากฏเป็นรูปชนิดหนึ่ง มีลักษณะเฉพาะ¤ เกิดดับสืบต่อ เสมอกันไป! ไม่ขาดสาย! จึงข้ามพ้นความสงสัย! ในกาลทั้ง ๓ ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยาม! ก้าวลงสู่สัปปุริสภูมิ! ล่วงภูมิปุถุชน เป็นจูฬโสดาบันบุคคล มีคติแน่นอน ถึงแม้ว่า! วิปัสสนาญาณ ที่ ๑, ๒, ๓ ยังเป็นจินตาญาณ ยังมีการตรึกถึงญาณก็จริง แต่ยกเว้น ขณะที่สภาพธรรม ปรากฏเสมอกัน ขณะนั้น ไม่มีการตรึก! ถึงนามธรรมและรูปธรรม ที่กำลังประจักษ์ อย่างแน่นอนครับ¤ 🌾🪷🌾 มุ่งอรรถ มุ่งประโยชน์ มุ่งธรรม.

About